การเสพยาแก้ไอกระแสเก่าที่กลับมาใหม่

การเสพยาแก้ไอ(Dextromethorphan)” กระแสเก่าที่กลับมาใหม่

     Dextromethorphan หรือ DXM ใช้แก้ไอในปริมาณที่แพทย์สั่งจะมีความปลอดภัยสูง ผลข้างเคียงน้อย ปกติยาชนิดนี้ ใช้เป็นยาแก้ไอประเภทกดศูนย์การไอ หรือเราเรียกว่า cough suppressant ซึ่งไม่ค่อยนิยมใช้ในเด็กเล็ก เพรา ะจะทำให้เสมหะไม่ระบายออกหากกดอาการไอ แต่สามารถใช้ได้ในเด็กโตหรือผู้ใหญ่ (ในปริมาณที่รักษาได้โดยปลอดภัย)

     แต่ผู้ที่ใช้ในทางที่ผิดมักใช้ในขนาดสูง โดยจะทำให้เกิดอาการเคลิ้มสุข(euphoria) ไปจนถึง อาการประสาทหลอน จะมีอาการเมา เคลิบเคลิ้ม สุขสบาย คล้ายกับผลของยา phencyclidine หรือ ketamine (ยา K) และจะออกฤทธิ์ยาวประมาณ 6 ชม. จึงจะหมดฤทธิ์ไปเอง พบรายงานว่าหากใช้ในปริมาณที่สูง หรือบริโภคเป็นเวลานาน จะสามารถทำลายสมอง ชัก หมดสติ อาการทางจิต หรือการเต้นหัวใจที่ผิดปกติ อาจทำให้เกิดพฤติกรรมก้าวร้าว เกิดภาพหลอน ทำร้ายผู้อื่น ชัก หรือเสียชีวิตได้

     การนำมาใช้ผิดวิธีนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เดิมเคยมีรายงานมานานแล้ว และรูปแบบการใช้ยังประยุกต์ใช้ ตั้งแต่ยาแก้ไอน้ำ(ผสมน้ำอัดลม), เม็ด หรือนำมาบดเป็นผงใส่ capsule และมีการขายอย่างแพร่หลายให้ผู้ที่เสพสารเสพติดในหลายๆประเทศ และเนื่องจากสามารถซื้อขายได้ง่ายจึงทำให้เกิดการแพร่กระจายอย่างมาก พบปัญหาในหลายๆ ประเทศโดยเฉพาะอเมริกา

     ราวกลางปี พ.ศ. 2548 FDA ของอเมริกา เคยประสบปัญหาการใช้ยาแก้ไอนี้ในผู้ป่วยกลุ่มเด็กโตและวัยรุ่นและได้ประกาศทางเว็บไซต์เผยแพร่ ถึงความกังวลกับผลกระทบจากการใช้ยาแก้ไอนี้ผิดวิธี เพราะเป็นกลุ่มยาที่สามารถหาซื้อง่าย และจัดเข้ากลุ่มยาบรรจุเสร็จ สามารถซื้อขายได้โดยไม่มีใบสั่งแพทย์ หลังจากมีวัยรุ่นเสียชีวิตราว 5 ราย ด้วยการใช้ยา dextromethorphan เกินขนาดในรูปผงบรรจุแคปซูล


             ผลจากการใช้ยาแก้ไอDextromethorphan หรือ DXM เพื่อเสพ

          อาการการได้รับพิษเฉียบพลันจากการได้รับ DMX เกินขนาด ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ มึนงง ง่วงนอน กล้ามเนื้อทำงานไม่ประสานกัน ม่านตาขยาย พูดไม่ชัด เคลิบเคลิ้ม หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง ปัสสาวะไม่ออก ประสาทหลอน หรือ กระวนกระวาย สั่นเทิ้ม ชัก ปวดศีรษะ สมองอาจถูกทำลายถาวร หมดสติ และอาจถึงแก่ชีวิตได้ แต่จะไม่มีผลกดการหายใจ และภาวะรูม่านตาเล็ก เหมือนอนุพันธ์ฝิ่น

หากใช้ในปริมาณมากมักจะมีอุณหภูมิร่างกายสูงผิดปกติโดยเฉพาะสภาพแวดล้อมที่มีอากาศร้อนถ่ายเทได้ไม่สะดวก หรือการออกกำลังกายหนักๆ ในบางครั้งตัวยาจะผสมยาแก้แพ้เช่น CPM อยู่ประมาณ 2-4 mg ก็จะส่งเสริมให้เกิดอาการง่วงซึมมากขึ้น

         จากการเฝ้าสังเกตการเป็นเวลาหลายเดือนมีรายงานว่ามีผู้กิน dextromethorphan 1500 มก.(10 เม็ด) ในคราวเดียว จะมีอาการเหมือนวิกลจริตเป็นเวลา 24-48 ชั่วโมงหลังจากกินยา จากนั้นตามด้วยอาการ ซึมเศร้า อยากฆ่าตัวตาย และนอนไม่หลับ เมื่อหยุดยาอาการเหล่านี้จะหายไป

         Dextromethorphan เป็นที่รู้จักดีในหมู่วัยรุ่นในหลายๆ ประเทศ ว่าเป็นยาที่สามารถนำไปใช้ในทางที่ผิด โดยมีชื่อเรียกที่เป็นคำเฉพาะในหมู่ผู้ใช้ ได้แก่ red devil, poor man’s PCP, DXM, CCC, robo, และ Dex พบว่ามีข้อมูลมากมายในเว็บไซต์กลับแนะนำให้ใช้ยาไปในทางที่ผิด ใช้อย่างไรเพื่อให้เกิดฤทธิ์เคลิ้ม และมีขายทางอินเตอร์เน็ตอยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากยาหาง่าย ควบคุมยาก

        หากโรงเรียนค้นพบว่าเด็กพกยากลุ่มนี้ ร่วมกับพฤติกรรมชวนสงสัย เช่นพบยาในตู้เก็บของส่วนตัวในปริมาณมากกว่าปกติ จะถูกจับตามองเป็นพิเศษ แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างจริงจัง


จะทำอย่างไรเมื่อ พบว่าบุตรหลานใช้ยา MDX ในทางที่ผิดหรือเกินขนาด?

              ถ้ากินปริมาณมากภายในหนึ่งชั่วโมง รีบนำส่ง รพ. อาจใส่สาย เพื่อช่วยล้างท้อง แต่ถ้านานกว่าหนึ่งชั่วโมงมักไม่ค่อยช่วย ใช้ผงถ่าน (activated charcoal) 1 กรัม/ น้ำหนักตัว1 กก. ผงถ่านจะจับกับ dextromethorphan ได้ดี ให้กินเป็นระยะทุก 6 ชม. อาจต้องรับตัวไว้ดูอาการในรพ. หากกินไม่มากเพียงแค่สังเกตอาการรอให้ยาหมดฤทธิ์เอง ปรึกษากุมารแพทย์ จิตเวชเด็ก เพื่อให้คำแนะนำและรับทราบขั้นตอนในการเลิกยา ซึ่งง่ายกว่ายาเสพติดอื่น เพราะมักไม่ค่อยมีอาการของการอยากยา


เรียบเรียงข้อมูลจากแหล่งข้อมูล

อาจารย์นายแพทย์ ศักดา อาจองค์,อาจารย์ประจำภาควิชาเวชศาสตร์ฉุกเฉิน

คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล