วัตถุประสงค์การก่อตั้งมูลนิธิฯ

 

มูลนิธิฯ ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ

ใบอนุญาตเลขที่ ต.๑๖๘/๒๕๔๖

มีวัตถุประสงค์เพื่อ
1. รณรงค์และเผยแพร่ข้อมูลพิษภัยของยาเสพติด

2. จัดหาบุคลากรเวชภัณฑ์และสร้างสถานที่ในการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติดให้โทษ

3. ส่งเสริมและสนับสนุนหน่วยงานของรัฐในการประสานงานด้านยาเสพติด

4. ส่งเสริมและฝึกฝนด้านอาชีพสำหรับผู้ติดยาเสพติดระหว่างการบำบัด

5. รณรงค์ให้สังคมรู้จักป้องกันปัญหายาเสพติดเพื่อสุขภาพจิตที่ดีขึ้น

6. ส่งเสริมบำรุงบูรณปฏิสังขรณ์ศาสนสถาน

7. รณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดสู่สังคมและชุมชน

8. ให้ความช่วยเหลือผู้มีฐานะยากจนอันเนื่องจากการเลิกสารเสพติด

9. สนับสนุนกิจกรรมต่อหน่วยงานองค์การต่างๆ เพื่อป้องกันการระบาดของยาเสพติด

10.ดำเนินการเพื่อสาธารณประโยชน์หรือร่วมมือกับองค์กรการกุศลอื่น เพื่อสาธารณประโยชน์

11.ไม่ดำเนินการเกี่ยวข้องกับการเมืองแต่ประการใด

              ร่วมรณรงค์และสนับสนุนโดย ชาบัวหิมะ


การดำเนินการ

หลักการของมูลนิธิ

1.    เพื่อร่วมกันหาทางออกเกี่ยวกับเรื่องสารเสพติดอย่างสร้างสรรค์ โดยคำนึงถึงความเป็นธรรม ความชอบธรรม และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประโยชน์ของชาติและแผ่นดินส่วนรวมเป็นสำคัญ โดยมูลนิธิฯถือว่าการแก้ไขปัญหาเรื่องยาเสพติดนั้น เป็นการอุทิศตนปฏิบัติงานเพื่อเป้าหมายคือการมีสุขภาพดีของประชาชนโดยส่วนรวม

2.    ส่งเสริมและให้คำแนะนำแก่ผู้ที่ต้องการเลิกสูบบุหรี่ สุรา และสารเสพติด ให้สามารถเลิกได้อย่างเห็นผลชัดเจน

3.    เพื่อให้ผู้ที่เคยติดช่วยเหลือผู้ที่เคยเป็นเหมือนตน

4.    ประสานงานและบริจาคชาบัวหิมะเพื่อใช้เลิกบุหรี่ สุรา และสารเสพติดให้กับองค์กรเอกชน หน่วยงานราชการ และเพื่อการกุศล

5.    รายได้จากการจำหน่ายและบริจาค มูลนิธิฯจะนำมาช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสที่ต้องการเลิกแต่ทุนทรัพย์ไม่เพียงพอ อีกทั้งบริจาคและสนับสนุนโครงการของมูลนิธิฯเกี่ยวกับการเลิกบุหรี่ สุรา และสารเสพติดต่างๆ กับหน่วยงานเอกชน ภาครัฐ หรือผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ

 

การประสานงาน

หน่วยงานต่างๆต้องมีการประสานงานกับมูลนิธิรณรงค์ช่วยให้เลิกบุหรี่และสารเสพติด เพื่อการแก้ไขอย่างถูกต้องแก่กลุ่มเป้าหมาย และให้มีการรณรงค์อย่างต่อเนื่อง

   ตัวอย่างหน่วยงาน หรือกลุ่มเป้าหมาย

1.      สถานศึกษา โรงเรียน วิทยาลัย มหาวิทยาลัย

2.      หน่วยงานภาครัฐต่างๆ ที่ร่วมรณรงค์

3.      หน่วยงานเอกชนต่างๆ ที่ร่วมรณรงค์

4.      บุคคลสำคัญที่มีความศรัทธาในการช่วยเหลือประชาชนในการเลิกสารเสพติด

5.      พระภิกษุสงฆ์

6.      กลุ่มนักธุรกิจและผู้บริหาร

ผลที่คาดว่าจะได้รับ

  •        ผู้ที่สูบบุหรี่ สุรา หรือสารเสพติด เมื่อเลิกได้แล้วจะช่วยแนะนำวิธีเลิกให้แก่ผู้ที่ยังสูบบุหรี่และสารเสพติดอยู่ รวมถึงการเป็นต้นแบบให้แก่ผู้ที่คิดที่อยากเลิกหรือคิดอยากลอง ให้มีโอกาสเลิก หรือกลับใจได้
  •        ช่วยเหลือและชี้ทางให้แก่เด็กและเยาวชนอันจะกลายเป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคต ที่คิดหลงผิด ให้มีทางออกจากการสูบบุหรี่ ดื่มสุรา และเสพสารเสพติดได้อย่างแท้จริง เห็นผล
  •        เพื่อเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งสำหรับผู้ที่สูบบุหรี่มาเป็นเวลานาน และสูบจำนวนมาก ซึ่งหาทางเลิกมาหลายวิธี แต่ไม่ประสบความสำเร็จในการเลิก
  •        เพื่อเป็นทางออกสำหรับผู้ที่ติดสุรา หรือสารเสพติดในการบำบัดอย่างเห็นผล
  •        ผู้ที่ต้องการเลิกสูบบุหรี่ สุรา และสารเสพติด สามารถเลิกได้ โดยเห็นผลในการเลิกอย่างชัดเจน และใช้ระยะเวลาที่ไม่นานจนเกินไป
  •        สามารถลดมลภาวะให้ครอบครัว   สังคม   ส่วนรวม  และประเทศชาติ
  •        สุขภาพของคนไทยในประเทศแข็งแรงขึ้น
  •        ประเทศชาติมีงบประมาณในการพัฒนาด้านอื่นๆเพิ่มมากขึ้น
  •        ช่วยนิสิต-นักศึกษา, ข้าราชการ, ทหาร, ตำรวจ และประชาชน อย่างได้ผลในการ ลด ละ เลิก  บุหรี่–สุรา–สารเสพติด อย่างแน่นอน โดยไม่หวนกลับไปข้องเกี่ยวอีก
  •        ทราบปัญหาสังคม ที่เกิดขึ้นจากการขาดจิตสำนึกด้านคุณธรรม, จริยธรรม เพื่อคนในสังคมจะได้ช่วยเหลือกัน และสมควรที่จะกำหนดเป็นนโยบายสาธารณะของชาติ
  •        ช่วยบำบัด และบรรเทา ผู้ที่พึ่งพา บุหรี่ – เหล้า – สารเสพติด อันเป็นจุดเริ่มต้นในการทำให้เกิดปัญหาสังคมได้ในภายหน้า เช่น การก่ออาชญากรรม, สร้างมลภาวะเสีย เป็นต้น โดยให้บุคคลเหล่านั้นได้รับการอบรมสั่งน กล่อมเกลาในด้านคุณธรรมและจริยธรรม ซึ่งจะสามารถเพิ่มจำนวนพลเมืองที่กลับตัวกลับใจเป็นคนดี ให้กลับคืนสู่สังคมได้ อันเป็นประโยชน์ที่ไม่สามารถประเมินค่าได้แก่ชาติบ้านเมือง 
  •        ได้แบ่งเบาภาระของภาครัฐ  ในการบำบัดรักษา เยียวยา ทั้งความเจ็บป่วยจากการใช้ สารเสพติด บุหรี่ – เหล้า ลดการก่ออาชญากรรม, ลดอุบัติเหตุ  ซึ่งนำมาสู่การสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน, ลดงบประมาณในการจ่ายค่าสวัสดิการของภาครัฐ  หลายแสนล้านบาท พร้อมทั้งยังมีการสนองตอบต่อ สถาบันครอบครัว สถาบันการศึกษา สถาบันศาสนาโดยการสร้างจิตสำนึกให้แก่ผู้เข้าอบรมได้เป็นอย่างดี
  •        ได้พิจารณายุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการในการสร้างจิตสำนึกด้านคุณธรรมและจริยธรรม  โดยส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนและทุกหน่วยงาน ให้ประสบความสำเร็จ ผลิตคนดีคืนสู่สังคมอย่างมีคุณภาพ และเพื่อให้กำหนดเป็นนโยบายสาธารณะที่ควรเป็นวาระแห่งชาติสืบไป

               มูลนิธิฯได้เริ่มดำเนินการตามวัตถุประสงค์เรื่อยมา โดยในปี พ.ศ. 2545 มูลนิธิฯได้เข้าร่วมรณรงค์กับโครงการ To Be Number One ในทูลกระหม่อมหญิง อุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ( อันอยู่ภายใต้การดูแลของกรมสุขภาพจิต ในฐานะเลขานุการโครงการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ) ด้วยการร่วมบริจาคชาใบโสมบัวหิมะ มูลค่า 1,980,000 บาท (หนึ่งล้านเก้าแสนแปดหมื่นบาทถ้วน)   

       ปี 2548 มูลนิธิฯ ได้ดำเนินการเผยแพร่ และดำเนินการรับสมัครสมาชิก, อาสาสมัครเพื่อเข้าร่วมดำเนินการในการช่วยกันรณรงค์ช่วยให้เลิกบุหรี่และสารเสพติด โดยเริ่มดำเนินการเชื่อมโยงกับหน่วยงานต่างๆของทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ โรงเรียนศึกษานารีวิทยา, พาณิชยการราชดำเนิน เป็นต้น

       ปี 2549 – 2550 ได้เข้าร่วมดำเนินการเป็นวิทยากร สนับสนุนการอบรม และได้นำ “ชาบัวหิมะ”เข้ามาใช้ในการอบรม ในโครงการ“กองพลทหารปืนใหญ่ ร่วมใจเลิกบุหรี่ 60 ปี ครองราชย์ฯ” จำนวนทั้งหมด 5 รุ่น ซึ่งแต่ละรุ่นใช้ระยะเวลา 7 วัน โดยในการอบรมครั้งนั้นได้รับความร่วมมือจากพลตรี ประยุทธ เมฆวิชัย ผู้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองพลทหารปืนใหญ่ในขณะนั้น เป็นผู้ประสานงาน

               ซึ่งจากการดำเนินงานที่ผ่านมาในระยะเวลาดังกล่าว มีผู้เข้าร่วมโครงการรุ่นละ 50 นายรวมแล้ว 5 รุ่นจำนวน 300 นาย โดยได้มีการประเมินผลแล้วพบว่าประสบความสำเร็จ และได้ผลถึง 95% ในการลดละเลิกบุหรี่เหล้า โดยไม่หวนกลับไปข้องเกี่ยวอีก

                  ปี 2551 ดำเนินการเข้าร่วมกับสื่อภาครัฐและเอกชนต่าง ๆ เช่น รายการมาสเตอร์คีย์ และรายการตลาดนัดสุขภาพ ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี

                  ปี 2552 – ปัจจุบัน มูลนิธิฯได้ดำเนินการตามนโยบายของมูลนิธิเรื่อยมา และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากภาคประชาชน

 

ด้วยความเป็นองค์กรที่ปลอดผลประโยชน์

            ปัจจุบันปัญหาบุหรี่, สุรา หรือสารเสพติด เริ่มเป็นปัญหาที่ใหญ่ระดับประเทศ รวมทั้งระดับโลกอีกด้วย ดังนั้น,จึงมีผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือในเรื่องดังกล่าวเป็นจำนวนมาก และมากเกินกว่างบประมาณที่ทางมูลนิธิฯได้ตั้งไว้ แต่หากมูลนิธิฯจะคิดค่าบำบัดแก่ผู้ที่มีรายได้น้อยเหล่านั้นในราคาเต็ม ก็จะทำให้บุคคลเหล่านั้นเสียโอกาสในการเข้าถึงการบำบัด ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการนำเงินเข้าอุดหนุนส่วนนี้ เพื่อช่วยเหลือให้บุคคลเหล่านี้ได้จ่ายในราคาที่น้อยลง และสามารถเข้าถึงการบำบัดได้. ด้วยจิตจัดตั้งอันเป็นกุศล รวมถึงการที่มูลนิธิฯไม่เคยมีการของบประมาณ หรือขอรับบริจาค ทำให้มูลนิธิฯเริ่มประสบปัญหาด้านค่าใช้จ่าย อันเพิ่มสูงขึ้นทุกปี และกลายเป็นปัญหาหลักในการดำเนินการต่างๆ

            ตั้งแต่เริ่มโครงการรณรงค์ช่วยให้เลิกบุหรี่และสารเสพติด การดำเนินการนั้นได้รับความสนับสนุนจากห้างหุ้นส่วนจำกัด ชาบัวหิมะ อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็น ห้างหุ้นส่วนเล็กๆที่มีอุดมการณ์เพื่อต้องการช่วยแก้ไขปัญหาสิ่งเสพติดในสังคมไทย และยังเคยเข้าร่วมในโครงการ To be Number One (โครงการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด)ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ร่วมบริจาคชาบัวหิมะในการเลิกบุหรี่และสารเสพติด มูลค่า 1,980,000 บาท (หนึ่งล้านเก้าแสนแปดหมื่นบาทถ้วน) (เอกสารที่ สธ.0805/408 วันที่ 17 ธันวาคม 2545) นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต รับไว้เพื่อใช้รณรงค์ช่วยผู้ติดยาและนำไปบำบัดต่อไป

ปัญหาด้านงบประมาณ

มูลนิธิฯประสบปัญหาด้านงบประมาณในการช่วยเหลือผู้ที่ประสบปัญหาจำนวนมาก โดยอัตราของผู้ที่ขอเข้ารับการช่วยเหลือจากมูลนิธิฯ กับผู้ที่ให้ความช่วยเหลือมูลนิธิฯ แตกต่างกันเป็นอย่างมาก     

ปัจจุบันมูลนิธิได้รับงบประมาณจาก หจก. บัวหิมะ เป็นผลิตภัณฑ์ปีละประมาณหนึ่งล้านบาท เพื่อนำผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมาจำหน่ายเป็นรายได้สำหรับดำเนินโครงการรณรงค์ แก้ไขปัญหาบุหรี่, สุรา และสารเสพติด ทางมูลนิธิฯจึงได้จัดตั้งโครงการ“ปอดสะอาดปราศจากควันบุหรี่เลิกได้อย่างถาวรภายใน 6 วัน” รายได้จากการจำหน่ายชาบัวหิมะ มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือผู้ที่มีรายได้น้อย หรือขาดแคลนทุนทรัพย์ที่ต้องการเลิกบุหรี่, สุรา หรือสารเสพติด อีกทั้งยังเป็นทุนทรัพย์ในการจัดตั้งศูนย์บำบัดให้ครอบคลุมในหลายพื้นที่

ซึ่งขณะนี้มูลนิธิฯยังขาดในเรื่องของงบประมาณอีกเป็นจำนวนมาก ดังนั้นผู้ที่มีจิตศรัทธา หรือผู้ที่ต้องการเลิก บุหรี่, สุรา และสารเสพติด หากท่านช่วยกันอุดหนุนผลิตภัณฑ์ชาบัวหิมะที่ทางมูลนิธิฯได้นำมาเป็นตัวช่วยเหลือในการบำบัด หรือช่วยกันบริจาคเงินเพื่อเข้าโครงการต่างๆของมูลนิธิฯ ท่านจะได้ทำบุญและช่วยเหลือสังคมร่วมกันกับมูลนิธิฯ อีกทั้งเพื่อเป็นการนำร่องให้กับผู้ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ให้ได้รับการบำบัดอย่างถูกวิธี และไม่มีผลข้างเคียง

 ทางมูลนิธิฯใช้วิธีธรรมชาติบำบัดโดยใช้ชาบัวหิมะช่วยให้เลิกบุหรี่และสารเสพติด เพื่อแก้ปัญหา และหาทางออกอย่างสร้างสรรค์ โดยคำนึงถึงความเป็นธรรม, ความชอบธรรม และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประโยชน์ของชาติและแผ่นดินส่วนรวมเป็นสำคัญ มูลนิธิฯได้อุทิศตนปฏิบัติงานเพื่อเป้าหมายคือ การมีสุขภาพดีของประชาชนส่วนรวม

คณะกรรมการมูลนิธิฯ

อ.พณิช บัวหิมะทองคำ
Panich buahematongkham

ผู้ก่อตั้งมูลนิธิฯ (Fonder)

“ด้วยความกตัญญูต่อแผ่นดิน และได้คำนึงถึงสุขภาพของตนเอง, ครอบครัว, สิ่งแวดล้อม, สังคม รวมถึง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ด้วยจิตสำนึกของการเป็นผู้นำครอบครัว อ.พณิช บัวหิมะทองคำ มีอุดมการณ์ว่า“อยากเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในครอบครัว ก็จงทำประโยชน์แก่ครอบครัว อยากเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในประเทศชาติ ก็จงทำประโยชน์แก่แผ่นดิน” ซึ่งคนมีเงินส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีความคิดเช่นนี้อยู่

Panich

ปนัดดา ชิวปรีชา
Panadda chewprecha

ประธานมูลนิธิฯ (President)

“ความภูมิใจสูงสุดของดิฉันในวันนี้ คือโอกาสที่ได้ทำให้คนไทย ประเทศชาติ และสังคม ปลอดสารเสพติด ได้คืนคนดีกลับสู่สังคม เราจะก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ด้วยปณิธานอันแน่วแน่ที่จะนำมาซึ่งความมั่นคงของประเทศ เพื่อให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีคุณค่าต่อสังคม ด้วยจิตที่มีความกตัญญูต่อแผ่นดินที่เกิดตลอดไป”